วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

เสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวด้วยงานบ้าน

รู้หรือไม่คะว่าการทำงานบ้านนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่ทุกคนคิดนะคะ การทำงานบ้านนั้นช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้งมัดใหญ่และมัดเล็กได้เคลื่อนไหว ช่วยรักษาน้ำหนักและรูปร่างของเรา นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวได้อีกด้วยนะคะ เพราะงานบ้านนี้สามารถทำได้ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และเด็กๆ ค่ะ และช่วยให้มีพัฒนาการด้านอารมณ์อีกด้วย

แต่ทั้งนี้เด็กในแต่ละวัยก็สามารถช่วยงานบ้านได้ในระดับที่ต่างๆ กันนะคะ วันนี้นอกจากจะมาบอกว่าเด็กแต่ละวัยเหมาะกับการช่วยคุณพ่อ คุณแม่แบบไหนแล้ว ยังจะมาแนะนำอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ปลอดภัยกับเด็กๆ อีกด้วยค่ะ

วัยไหนทำได้แค่ไหน

วัยเตาะแตะ อายุ 2-3 ขวบ เก็บข้าวของของตัวเอง เช่นของเล่น หรือ เสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ในวัยนี้แม้จะทำได้บ้างแต่ก็ต้องการการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ อาจให้เล่นเป็นเกมเก็บของเพื่อเพิ่มความสนุกและดึงดูดความสนใจในการทำงาน
วัยก่อนอนุบาล 3-4 ขวบ เริ่มช่วยถือของเล็กๆ น้อยๆ หรือเริ่มทำงานบ้านตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ประจำ 1 อย่าง เช่น จับคู่ช้อนส้อมของสมาชิกในบ้าน เรียงผ้าปูโต๊ะก่อนทานอาหารเป็นต้น
วัยอนุบาล 5-6 ขวบ ตอนนี้เด็กๆ เริ่มโตขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว เริ่มให้เด็กๆ รู้จักรับผิดชอบต่อชีวิตประจำวันของตัวเองมากขึ้น ทั้งใส่เสื้อผ้าเอง หรือจัดเตรียมข้าวของของตัวเองเมื่อต้องออกไปข้างนอกกับพ่อและแม่ ในวัยนี้อาจจะเริ่มให้ช่วยคุณพ่อรดน้ำต้นไม้ หรือ ช่วยคุณแม่ปัดฝุ่น-เช็ดโต๊ะ
วัยประถม วัยนี้โตพอที่จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้มากขึ้นแล้วและไม่ต้องการคำแนะนำตลอดเวลาอย่างเช่นในวัยอื่นๆ คุณพ่อคุณแม่อาจเป็นเพียงผู้ตรวจงานขั้นตอนสุดท้ายอีกครั้งก็เพียงพอ คุณพ่อคุณแม่อาจมอบหมายงานประจำ 2-3 อย่างให้เพื่อฝึกความรับผิดชอบให้มากขึ้น

ทั้งหมดนี้ไม่ว่าลูกๆ จะอยู่ในวัยไหนก็อย่าลืม "คำชม" เมื่อเด็กๆ ทำงานได้ดีต่อหน้าที่ๆ รับผิดชอบนะคะ แต่หากยังมีข้อผิดพลาดก็ใจเย็นๆ ค่อยบอกกล่าวกันต่อไปค่ะ อีกไม่นานเด็กๆ ก็จะทำได้เองค่ะ

ต่อมาเรามากันที่อุปกรณ์ทำความสะอาดที่จะแนะนำกันบ้างดีกว่านะคะ

โอ๊ตส์ ฟองน้ำอเนกประสงค์
โอ๊ตส์ฟองน้ำอเนกประสงค์ ฟองน้ำทำความสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำยาเคมี เพียงแค่ใช้ฟองน้ำอเนกประสงค์ น้ำเปล่า และผ้าแห้งเช็ดสะอาดเท่านั้นก็เช็ดล้างทำความสะอาดทุกอย่างได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย

ผ้าฟองน้ำเซลลูโลส
อีโคโนช้อยส์ผ้าฟองน้ำเซลลูโลส ผ้าฟองน้ำสำหรับเช็ดโต๊ะอาหาร เช็ดเคาท์เตอร์ครัว ซิงค์ล้างจาน ที่ผลิตจากเซลลูโลสแท้ผสมใยฝ้ายแท้ 100% ใช้เช็ดโต๊ะอาหารได้อย่างหมดจด ไม่มีแบคทีเรีย ไม่ต้องใช้น้ำยาเคมี ซักล้างได้เมื่อสกปรกหรือลวกน้ำร้อนเพื่อความสะอาดหมดจด ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

ถุงมือยางสังเคราะห์
อีโคโนช้อยส์ถุงมือยางสังเคราะห์ ถุงมือยางแบบกระชับถนัดมือ ไม่มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ไม่ทำให้เป็นภูมิแพ้ลาเท็กซ์ ไม่มีส่วนผสมของแป้งจึงไม่ระคายเคืองทางเดินหายใจ ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่างและน้ำมัน มี 3 ขนาดให้เลือก S, M, L

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

แพ้ยางธรรมชาติ

 “โรคภูมิแพ้” นับได้ว่าเป็นโรคที่เป็นกันมากในปัจจุบัน ทั้งแพ้อากาศ หอบหืด หรือ แม้กระทั่งส่วนประกอบของอาหารบางชนิดก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ เช่น กล้วย ขนุน ฯลฯ บางครั้งอาการแพ้อาจจะรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิต การแพ้ผลไม้นั้นเชื่อมโยงไปถึงแพ้ยางพาราธรรมชาติ หรือเรียกว่า “ภูมิแพ้ลาเท็กซ์” นพ.ธนวรรธน์ เครือคล้าย อายุรแพทย์เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวถึงโรคดังกล่าวว่า ภูมิแพ้ลาเท็กซ์เกิดจากการแพ้ “โปรตีนลาเท็กซ์” หรือโปรตีนในน้ำยางธรรมชาติ ซึ่งเมื่อร่างกายสัมผัสกับยางพาราธรรมชาติ ซ้ำๆ บ่อยๆ ทำให้ร่างกายมีโอกาสได้สัมผัสกับโปรตีนในยางธรรมชาติผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิต่อยางธรรมชาติ และเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับยางธรรมชาติอีกในภายหลังจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ขึ้น เนื่องจากยางพาราเป็นพืช โปรตีนในยางจึงจะไปคล้ายกับพืชผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย อโวคาโด กีวี มันฝรั่ง มะเขือเทศ เกาลัด มะละกอ ฯลฯ ทำให้คนที่แพ้ยางธรรมชาติแพ้ผลไม้บางชนิดไปด้วยในภายหลัง
       
       “บางครั้งเราอาจคาดไม่ถึงว่าในชีวิตประจำวันนั้นเราสัมผัสกับยางธรรมชาติมากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน รองเท้า ถุงมือยาง ถุงยางอนามัย หนังสติ๊ก ลูกโป่ง รวมถึงวัสดุทางการแพทย์ ทั้งนี้ กลุ่มบุคคลบางอาชีพต้องสัมผัสกับยางธรรมชาติมากเป็นพิเศษ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ช่างเสริมสวย ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงในการแพ้ยางธรรมชาติมากกว่ากลุ่มอื่น”
       
       สำหรับอาการแพ้นั้น นพ.ธนวรรธน์กล่าวว่า มีหลายรูปแบบ เช่น การระคายเคือง เป็นผื่นลมพิษซึ่งเกิดขึ้นภายใน 10-15 นาทีหลังจากสัมผัสยางธรรมชาติ ในบางรายมีการสูดดมเอาละอองของยางธรรมชาติเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการคล้ายหอบหืด และแพ้อากาศ หากมีอาการแพ้รุนแรงกว่านั้นคือ เกิดภาวะแพ้แบบ อนาไฟแล็กซีส (Anaphylaxis) ซึ่งหมายถึงการแพ้ขั้นรุนแรง เช่น ทางผิวหนัง จะมีผื่นลมพิษหรือผื่นแดงกระจายที่ร่างกาย ตาบวม ปากบวม ระบบทางเดินหายใจอาจมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงวี้ด ส่วนในระบบทางเดินอาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดท้อง และในระบบไหลเวียนโลหิต อาจมีอาการความดันตก วูบ มึนศีรษะ หรืออาจรุนแรงมากจนถึงขั้นหมดสติ 
       
       ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้ยางธรรมชาติหรือไม่นั้น นพ.ธนวรรธน์กล่าวว่า ผู้ที่สงสัยสามารถมาพบแพทย์เพื่อทำการทดสอบทางผิวหนัง โดยการหยดน้ำยาทดสอบ หลังจากนั้นจะใช้เข็มขนาดเล็กสะกิดบริเวณผิวหลังที่หยดน้ำยาทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วอ่านผล หากมีอาการแพ้ผิวหนังบริเวณที่ทดสอบจะนูนแดงขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งคือการตรวจเลือดหาแอนติบอดีจำเพาะ (Serum specific Ig E) ที่มีปฏิกริยาต่อยางธรรมชาติ
       
       นพ.ธนวรรธน์กล่าวถึงการดูแลรักษาว่า ผู้ป่วยที่แพ้รุนแรงมีอาการหลายระบบ ทุกรายต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ผู้ป่วยที่มาด้วยอาการแพ้ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย จำเป็นจะต้องนึกถึงการแพ้ยางธรรมชาติด้วย ในขณะผู้ป่วยกลุ่มที่มาด้วยอาการแพ้ยางธรรมชาติก็ต้องเฝ้าระวังการแพ้ข้ามกลุ่มยังผลไม้บางชนิด แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ทำจากยางพาราธรรมชาติ เช่น หนังยางรัดผม รองเท้าแตะ สายนาฬิกา ถุงยางอนามัย เป็นต้น นอกจากนั้น ในด้านผู้ป่วยที่แพ้ยางธรรมชาติหากมีเหตุเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จำเป็นต้องแจ้งแก่แพทย์และพยาบาลทุกครั้งถึงอาการแพ้ เพื่อป้องกันการใช้ผลิตภัณฑ์และวัสดุในการรักษาที่ทำมาจากยางธรรมชาติ เนื่องจากในโรงพยาบาลมักจะเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่มียางเป็นส่วนประกอบ เช่น ถุงมือตรวจโรค จุกปิดขวดยาฉีด สายสวนปัสสาวะ เป็นต้น 

หากคุณเป็นคนนึงที่มีอาการภูมิแพ้ลาเท็กซ์ดังกล่าวและจำเป็นต้องใส่ถุงมือเพื่อการทำงาน ขอแนะนำ "ถุงมือยางสังเคราะห์ รุ่นใช้แล้วทิ้ง" ของ "อีโคโนช้อยส์" ถุงมือยางที่ไม่มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ป้องกันคุณจากอาการแพ้ยาง ไม่มีแป้ง ทำให้ไม่ระคายเคืองทางเดินหายใจ ไม่ปนเปื้อนเมื่อสัมผัสอาหาร ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง น้ำมันได้ดี ปกป้องผิว, มือ และเล็บของคุณด้วยอีโคโนช้อยส์สิคะ

ขอบคุณบทความดีๆ จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ ที่ให้ความรู้เรื่องภูมิแพ้ลาเท็กซ์กับเราค่ะ


#ถุงมือยางสังเคราะห์ #ถุงมือยางสีฟ้า #ถุงมือยางอีโคโนช้อยส์ #ถุงมือทำอาหาร #ถุงมือทำขนม #ถุงมือดูแลผู้ป่วย #ถุงมือดูแลสัตว์เลี้ยง #ถุงมือสีฟ้า #ถุงมือทนน้ำมัน #ถุงมือไนไตร

วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

คุณประโยชน์ของสับปะรด


สับปะรด พืชล้มลุกแสนอร่อยที่มีต้นกำเนิดจากแถบทวีปอเมริกาใต้ มีผลให้ทานได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอฤดูกาล ทำให้เรามักจะเจอสับปะรดพันธุ์ต่างๆ ขายอยู่ทั่วไปในประเทศไทย  วันนี้จะมาบอกประโยชน์ของสับปะรดให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ


สับปะรดมีวิตามินซี เบตาแคโรทีน และแมงกานีส ซึ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงโครงสร้างกระดูก ระบบประสาทต่างๆ และช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้ผิวพรรณสดใส ลดริ้วรอยก่อนวัย หากทานในช่วงเป็นหวัดก็จะช่วยบรรเทาอาการหวัด ขับเสมหะในลำคอ นอกจากนั้นยังช่วยรักษาแผลภายในช่องปากอีกด้วย

นอกจากนี้สับปะรดยังช่วยย่อยอาหารจำพวกโปรตีนได้ดี เหมาะที่จะทานตบท้ายหลังกินบุฟเฟต์ เพราะในสับปะรดมีเอนไซม์ธรรมชาติ ที่ชื่อว่า บรอมีเลน (Bromelain) ที่ย่อยได้ทั้งกรดและด่าง ทำให้อาการจุกเสียดแน่นท้องหายไป นอกจากนี้ บรอมีเลนยังมีสรรพคุณคล้ายยาแอสไพรินที่ช่วยยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่เพียงเท่านี้บรอมีเลนยังมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ ทำลายแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ ช่วยสมานแผล และลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้

สำหรับผู้ชายการทานสับปะรดจะช่วยเป็นยาบำรุงกำลังจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เพราะมี ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชาย ในส่วนของผู้หญิงการทานสับปะรดนั้นช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และขับประจำเดือนได้เป็นอย่างดี

นอกจากเนื้อสับปะรดแล้วใบสับปะรดที่มีกากใยอยู่มากก็สามารถนำมาทำเป็น "ผ้าใยสับปะรด กระดาษ หรือ เอามาทำเป็นเชือกสับปะรดหรือเอามาทำผ้าเรียกว่า "ผ้าบารอง" ก็มี ส่วนเปลือกสับปะรดโดยเฉพาะบริเวณตาของสับปะรดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร จึงนิยมนำไปทำเป็นอาหารของวัว หรือหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพ

ไม่เพียงแต่ส่วนต่างๆ ของสับปะรดที่มีประโยชน์ แม้แต่กลิ่นสับปะรดก็มีประโยชน์เช่นกัน กลิ่นที่หวานอมเปรี้ยวของสับปะรดนั้นช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน